ออกบูธ โชว์เครื่องจักรแต่เงียบเหงา เอาไงดี?

ออกบูธโชว์เครื่องจักร แอบเงียบเหงา

ออกบูธ โชว์เครื่องจักรแต่เงียบเหงาเอาไงดี?

ด้วยความเชื่อส่วนตัวผมคิดว่า(อาจจะคิดไปเอง) Event Marketing ยังมีความสำคัญกับบางธุรกิจ เช่น ธุรกิจแบบ B2B ซึ่งการ ออกบูธ เป็นเหมือนเทศกาลหาคู่ ที่ผู้ผลิตและผู้ประกอบการตั้งหน้าตั้งตารอคอยด้วยความหวังว่า
จะได้เจอคู่ค้าของตัวเอง, ได้ซื้อเครื่องมือ เครื่องจักร หรือวัตถุดิบมาตรฐาน ในราคาที่ดีเยี่ยมไปเลย

ผมเองนอกจากธุรกิจติจิตอล เอเจนซี่แล้วยังมีร้านอาหารเล็กๆอีกหนึ่งร้าน ทำให้ชอบที่จะไปงานอีเวนท์แบบนี้มาก
เพราะคาดหวังว่า จะได้เจอซัพพลายเออร์ใหม่ๆ, ได้เจอเครื่องมือ เครื่องจักรใหม่ๆ ในราคาที่ถูกกว่าปกติ

แหม่! ยุคนี้ใครก็อยากลดต้นทุนทั้งนั้น เข้าใจกันเนอะ
แต่เอาเข้าจริงหลังจากไปเดินในงานกลับพบว่า

ออกบูธโชว์เครื่องจักรแต่เงียบเหงาเอาไงดี?

- ในฐานะเจ้าของร้านอาหาร
เนื้อคู่ของเราหายากมาก เพราะในงานค่อนข้างกว้าง แต่ละบูธขนเครื่องจักรกันมาเพียบ
จนเราไม่รู้ว่า นี่มันเครื่องอาร้ายยยยยย แล้วคนอย่างชั้นต้องเข้าบูธไหน(วะ)เนี่ย
สุดท้ายก็ท้อ จนแฟนสะกิด(ให้กลับบ้าน แหม่ คิดอะไรกัน)

- ในฐานะเอเจนซี่
ได้พูดคุยกับผู้ประกอบการที่มาออกบูธแล้วสัมผัสได้ถึงความผิดหวัง
เพราะในงานอ้างว้างและหว่าเว๊ ยิ่งกว่า The Jukks
ยิ่งปีนี้นักธุรกิจต่างชาติไม่มีโอกาสมาร่วมงาน ยิ่งวังเวงเข้าไปใหญ่
ต้นทุนในการออกบูธแต่ละครั้งไม่ใช่น้อยๆ
ทั้งค่าสถานที่, ค่าตกแต่ง, ค่าจ้างพนักงาน ดูแล้วน่าจะหนักเอาการ

จึงแอบกลับมาคิดว่า “ถ้าผู้ประกอบการเหล่านี้เป็นลูกค้าเราล่ะ จะช่วยให้เค้าคุ้มค่าได้ยังไงบ้าง”
นั่นแหละครับ จึงเป็นที่มาของบทความนี้ และหลังจากคิดอยู่พักนึงจึงตกผลึกได้ว่า

ออกบูธ เตรียมตัวยังไงดี

ปัญหาของผู้ประกอบการที่มาออกบูธ น่าจะมีดังนี้

  1. คนมาร่วมงานน้อยกว่าที่คาดไว้ โอกาสที่จะปิดการขายจึงน้อยลงไปด้วย
  2. ในจำนวนคนที่มาร่วมงานน้อยอยู่แล้วนั้น หลายคนยังเดินผ่านไปเฉยๆ(รวมถึงตัวผมด้วย)
  3. ลูกค้าส่วนมากไม่ได้ตัดสินใจทันที หลายบูธใช้วิธีจดชื่อและเบอร์โทรไว้ติดตามภายหลัง

และในฐานะดิจิตอล เอเจนซี่ เราจะให้คำแนะนำสำหรับผู้ประกอบการที่เตรียมตัวไปออกบูธดังนี้

เช็ครีวิวผู้จัดงาน

1. เลือกงาน ไม่ยากจน

รีวิวยังสำคัญอยู่นะครับแม้จะเป็นธุรกิจแบบ B2B ดังนั้นก่อนจะตัดสินใจไปร่วมงานไหน 
ลองหาข้อมูล ดูรีวิวของปีก่อนหน้าว่ากระแสตอบรับของงานเป็นยังไง
ผู้เข้าชมงานใ่ช่กลุ่มเป้าหมายของเราจริงๆรึเปล่า และบางงานอาจจะเคยมีนักธุรกิจต่างชาติมาเยอะซึ่งในช่วงนี้เข้าประเทศไม่ได้
งานนั้นๆยังเหมาะสมกับเราอยู่รึเปล่า

ออกบูธ ป้ายและคลิปต้องพร้อม
2. จะโชว์ของต้องดึงดูด ป้ายต้องมา คลิปต้องมี

เอาเข้าจริงแต่ละงานค่อนข้างกว้าง และมีบูธเยอะมาก เครื่องจักรก็เยอะมากเช่นกัน เยอะจนผมเองยังเลือกไม่ถูกว่าจะเข้าบูธไหนดี
ลองสุ่มเข้าไปตั้งหลายบูธก็ดันไม่ใช่สิ่งที่เรามองหา เอาเป็นว่าเดินจนเหนื่อยแล้วคิดว่าไปหาในเน็ตน่าจะง่ายกว่า 
แถมสุดท้ายก็สั่งซื้อจากในเน็ตด้วยนะ

ซึ่งในการแก้ปัญหานี้เจ้าของโรงงานควรเตรียมคลิปสาธิตการใช้งานให้ครบ(Awareness ดีมีชัยไปกว่าครึ่ง) 
และติดป้ายในแต่ละจอให้เห็นชัดเจนไปเลยว่ากำลังนำเสนอเครื่องจักรอะไร มีข้อดีอย่างไร รับรองว่าสะดวกและมีโอกาสได้รับลูกค้าเพิ่มแน่นอน

ออนไลน์ ช่วยออกบูธได้

3. ทำความรู้จักลูกค้าก่อนและหลังเริ่มงาน

หากลูกค้ารู้จักและเชื่อมั่นเราก่อนมาเดินในงาน จะช่วยให้เค้าตัดสินใจได้ง่ายขึ้น (Zero Moment of Truth)
ยิ่งเรามีกิจกรรมให้เค้ามีส่วนร่วมกับเพจหรือเว็บของเรา(Engagenet) ยิ่งช่วยให้ติดตามเค้าต่อบนโดยใช้การตลาดออนไลน์(Re-Marketing)
ได้ง่ายขึ้นซึ่งช่วยให้เค้าได้พบเจอเราบ่อยๆ แม้หลังจากงานจบไปแล้วก็ยังต้องพบเจอโฆษณาของเราไปอีกนาน
เรียกว่าถ้าอยากให้เจอเราอีกเป็นปีก็ยังได้

ออกบูธ ต้องมีโปร

4. โปรดี ต้องมีให้ทั่วถึง


เพราะลูกค้าหลายคนไม่สามารถตัดสินใจในทันทีได้(Action) และอีกหลายคนก็ไม่ได้มางานแต่พร้อมจะจ่ายเงิน
เราจึงควรขยายโปรเหล่านี้ไปบนออนไลน์ด้วยเพื่อให้มีโอกาสได้คุยกับลูกค้ามากขึ้น โอกาสปิดการขายจึงมากขึ้นเช่นกัน

เป็นไงบ้างครับแนวทางสำหรับท่านที่กำลังเตรียมตัวไปออกบูธ หวังว่าบทความนี้น่าจะช่วยให้ท่านมีความพร้อมมากขึ้น
ใช้งบในการออกบูธได้คุ้มค่ามากขึ้น และที่สำคัญได้พบลูกค้าและปิดการขายได้มากขึ้นด้วย

หากใครมีโอกาสลองปรับใช้แล้วได้ผลยังไง ลองมาเล่าสู่กันฟังตามช่องทางต่างๆของเราได้เลยนะครับ
- ขอให้ร่ำ ขอให้รวย